บทความโดย:
นพ.ธรรมธัช วีรมโนมัย
พญ.นริศรา เตชวัชรา
ระหว่างวันที่ 11 – 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา องค์กร International Society of Travel Medicine (ISTM) ได้จัดการประชุมวิชาการนานาชาติครั้งที่ 19 หรือ The 19th Conference of the International Society of Travel Medicine (CISTM19) ณ เมือง นิวออร์ลีนส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นงานประชุมที่ใหญ่ที่สุดในแวดวงเวชศาสตร์การเดินทาง จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายประเทศทั่วโลก

การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศไทยได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ขยายเครือข่ายวิชาชีพพร้อมทั้งสะท้อนศักยภาพของไทยในด้านการพัฒนาเวชศาสตร์การเดินทางให้ก้าวทันต่อสถานการณ์สุขภาพโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการและการวิจัยของไทยสู่ระดับสากล
นิวออร์ลีนส์กับโรคไข้เหลือง
แม้นิวออร์ลีนส์จะเป็นที่รู้จักในฐานะบ้านเกิดของดนตรีแจ๊ส แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมืองนี้ก็มีประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับโรคไข้เหลือง — โรคติดเชื้อที่แพทย์เวชศาสตร์การเดินทางรู้จักกันดี
ก่อนที่วัคซีนไข้เหลืองจะถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1937 สหรัฐอเมริกาเคยเป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับการระบาดของโรคนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 17 และ 18 หนึ่งในเมืองที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและเป็นเมืองสุดท้ายที่พบการระบาดของไข้เหลืองก็คือ “นิวออร์ลีนส์” นั่นเอง (1)

การแพร่ระบาดของไข้เหลืองในนิวออร์ลีนส์ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังส่งอิทธิพลต่อโครงสร้างทางสังคมอย่างลึกซึ้ง ในยุคนั้น สังคมเมืองถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจนระหว่างคนผิวขาว คนผิวสีที่เป็นอิสระ และกลุ่มทาส อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่กำหนด “โอกาสทางสังคม” กลับไม่ใช่เพียงแค่สีผิวหรือสถานะทางกฎหมาย แต่รวมถึงการมี “ภูมิคุ้นกันต่อไข้เหลือง” ด้วย
ผู้ที่เคยติดเชื้อและรอดชีวิตมาได้ จะถูกนับว่าเป็น “พลเมืองที่ผ่านการปรับตัว” (acclimatized citizens) และสิ่งที่พวกเขาได้รับ ไม่ใช่แค่ภูมิคุ้มกันทางชีววิทยา แต่คือสิ่งที่เรียกว่า “ทุนภูมิคุ้มกัน” (immunocapital) การได้รับการยอมรับทางสังคมว่าเป็นผู้ที่สามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมนี้ได้อย่างแท้จริง เป็นการเปิดประตูสู่โอกาสในโลกเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ซึ่งผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันไม่สามารถเข้าถึงได้
ในช่วงปี ค.ศ. 1841 ถึงขั้นมีบันทึกว่า ชาวไอริชและเยอรมันผิวขาวจำนวนไม่น้อยพยายาม “ตั้งใจติดเชื้อ” เพื่อให้ตนเองมีภูมิคุ้มกัน และสามารถไต่ระดับทางสังคมให้สูงขึ้น — สะท้อนให้เห็นว่าภูมิคุ้มกันจากโรค ไม่ได้เป็นเพียงเกราะป้องกันสุขภาพ แต่เคยเป็น “ใบผ่านทาง” สำคัญของการเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัวในสังคมแห่งนี้
ด้วยภูมิหลังทางประวัติศาสตร์เช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ “นิวออร์ลีนส์” จะได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดประชุม CISTM ครั้งที่ 19 ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพในปีนี้ เมืองแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางวัฒนธรรมและดนตรี แต่ยังมีประวัติศาสตร์สำคัญของโรคติดเชื้อที่แพทย์เวชศาสตร์การเดินทางทั่วโลกต่างให้ความสนใจ
Highlights of the Conference
AI in Travel Medicine
ในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทในวงการแพทย์อย่างกว้างขวาง และยังคงเป็นหัวข้อสำคัญที่ได้รับความสนใจในหลายแวดวง มีการถกเถียงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการนำ AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลหรือเกิดการละเมิดข้อมูล (data breach)
หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจภายในงานประชุมล่าสุด คือการนำเสนอแนวคิดการแปลงสมุดวัคซีนไข้เหลือง (International Certificate of Vaccination or Prophylaxis, “ICVP”) ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล โดยแนวคิดนี้มีจุดเริ่มต้นจากช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งในขณะนั้น สหภาพยุโรปได้ริเริ่มใช้ EU Digital COVID Certificate (EUDCC) ในรูปแบบ QR code เพื่อใช้เป็นหลักฐานการฉีดวัคซีน ต่อมาได้มีการต่อยอดระบบดังกล่าวให้สามารถรองรับวัคซีนอื่นๆเพิ่มเติม
โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) และตัวแทนจากประเทศต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลก มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัยสูง โดยในระยะเริ่มต้นคาดว่า Digital ICVP จะสามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันประเภท digital wallet เช่น EU wallet, national wallets, Google Wallet, Apple Wallet หรือแม้กระทั่ง WHO branded digital wallet ในอนาคต
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของ AI ใน Travel Medicine คือการประยุกต์ใช้แอปพลิเคชันด้านสุขภาพบนอุปกรณ์พกพา (mHealth) (2) เพื่อช่วยติดตาม ตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในระหว่างการเดินทาง นักท่องเที่ยวสามารถกรอกข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสถานที่เดินทาง อาการเจ็บป่วย หรือข้อมูลสุขภาพที่ได้จากอุปกรณ์สวมใส่ เช่น smartwatch เพื่อให้ AI สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างครอบคลุม และให้คำแนะนำด้านสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Green vaccine procurement
สุขภาพของมนุษย์มีความเชื่อมโยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้
ในขณะที่ทุกภาคส่วนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาในด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี การเกษตร และการคมนาคม ไปสู่ความยั่งยืนโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
แม้วัคซีนจะมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคต่าง ๆ และช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม ผ่านการลดจำนวนผู้ป่วยซึ่งส่งผลให้ลดการใช้ทรัพยากรในระบบบริการสุขภาพ เช่น เตียงผู้ป่วย ยา และพลังงานในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิต จัดเก็บ และกระจายวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพอาจเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่สูงมากกว่าหากไม่มีมาตรการควบคุมผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมและยั่งยืน
ท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของสภาพภูมิอากาศจากภาวะโลกร้อนย่อมส่งผลต่อระบาดวิทยาของโรคต่าง ๆ อาจนำไปสู่รูปแบบของโรคที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งในระยะยาวอาจกลายเป็นความท้าทายที่มนุษย์ไม่สามารถรับมือได้ทัน หากไม่มีการเตรียมพร้อมและปรับแนวทางการจัดการวัคซีนให้คำนึงถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป
ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่อง Green Vaccine Procurement หรือ การจัดซื้อวัคซีนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและกระจายวัคซีน ให้ดำเนินการด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนและรอบด้าน
Chikungunya vaccine (Vimkunya)
ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการความปลอดภัยขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency – EMA) ได้เริ่มการทบทวนข้อมูลกรณีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์รุนแรง (Serious Adverse Events) ที่เกิดขึ้นภายหลังการฉีดวัคซีนป้องกันโรคชิคุนกุนยาในผู้สูงอายุ โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย และผู้ที่เกิดอาการข้างเคียงเกี่ยวกับระบบหัวใจและระบบประสาทรวมอีก 17 ราย (3) ส่งผลให้ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US FDA) และ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้ประกาศระงับการใช้วัคซีนดังกล่าวในกลุ่มประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีชั่วคราว เพื่อรอผลการประเมินความปลอดภัยเพิ่มเติม
ในการประชุมที่จัดขึ้นครั้งนี้ ได้มีการพูดถึงวัคซีนป้องกันโรคชิคุนกุนยา Vimkunya ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดอนุภาคไวรัสเสมือน (Virus-like particle vaccine) โดยเทคโนโลยีการผลิตจะเลียนแบบโครงสร้างภายนอกของไวรัส หากแต่ไม่มีสารพันธุกรรมของไวรัสอยู่ภายใน โครงสร้างดังกล่าวช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้โดยไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อจริง
วัคซีน Vimkunya ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาให้ใช้ในผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2568 มีการเผยแพร่ผลการศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี พบว่า วัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ถึงร้อยละ 87 ภายใน 3 สัปดาห์หลังการฉีด (4) และอาการไม่พึงประสงค์ที่พบไม่แตกต่างจากกลุ่มที่ได้รับยาหลอก จากผลการศึกษาดังกล่าว ทำให้วัคซีน Vimkunya กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ท่องเที่ยวและโรคติดเชื้อ เนื่องจากกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกาที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีไวรัสชิคุนกุนยาเป็นโรคประจำถิ่น
Our Participation การมีส่วนร่วมของเรา
ในปีนี้ มีผู้แทนจากประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมทั้งสิ้น 13 คน ประกอบด้วยตัวแทนจากมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และกระทรวงสาธารณสุข โดยมี รองศาสตราจารย์ นายแพทย์วัชรพงศ์ ปิยะภาณี เข้าร่วมในบทบาท Associate Chair of the Scientific Program Committee
ในการประชุมครั้งนี้ คณะผู้แทนจากประเทศไทยมีบทบาทอย่างโดดเด่น โดยมีอาจารย์ 3 ท่าน ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยาย และยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยจากประเทศไทยในรูปแบบ oral presentation และ poster presentation ดังนี้:
- Cases from Two TropMed Schools โดย รศ.นพ.วัชรพงศ์ ปิยะภาณี
- Symposium: “Man in the Mirror: Promoting Responsible International Travel” โดย ผศ.นพ.วศิน แมตสี่
- Panel: “Bon Appétit! Street Food: Demon or Foe? – Street food in Asia” โดย อ.พญ.พิมพ์พรรณ พิสุทธิ์ศาล
- Breathing in Thailand: impact of PM2.5 related symptoms in short term international traveler in Thailand โดย รศ.ดร.นพ.อมรพัฐ กิจโร
- 5-year Food Safety Regulations and Surveillance in Bangkok, Thailand – With Real World Data โดย พญ.นริศรา เตชวัชรา
- Prevalence of Health Problems related to Marine Tourism among Thai and International Travellers in the Andaman Coastal Provinces of Southern Thailand โดย นพ.วิทัศน์ ทิพยวงศ์
- Exploring the prevalence of food allergies in international travelers and common allergens: a scoping review โดย อ.นพ.มนัสวิน อ่อนหวาน
- Acetazolamide Testing Approach for Travelers to High Altitude with Self-reported Sulfa Allergy โดย นพ.ธรรมธัช วีรมโนมัย
- Needs, Attitudes, and Factors Influencing Medical Tourism in Thailand Among International Travelers โดย นพ.ชนะชัย พลพิทักษ์ชัย
- A Retrospective Cross-Sectional Study of Pre-travel Preparation and Factors Associated with Illnesses among Foreign Travelers at Koh Lanta, Thailand โดย นพ.พัฒน์ ฉันทภิญญา
- Increasing trend of Teleconsultations and Nurse’s role at Thai travel clinic โดย นางสาว อารยา ภูเด่นผา
- Evaluating HTD Smart Vaccine: An AI-Based System for Vaccine Verification at the Thai Travel Clinic, Hospital for Tropical Disease, Bangkok, Thailand โดย นางสาว มาลาตรี เขื่อนควบ


บรรยากาศภายในงาน
การจัดงานประชุมวิชาการระดับโลก ณ เมืองนิวออร์ลีนส์ในครั้งนี้ เต็มไปด้วยเนื้อหาทางวิชาการที่เข้มข้น อัดแน่นด้วยองค์ความรู้ใหม่ๆ และข้อมูลล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ความเป็นนิวออร์ลีนส์ก็ยังคงเปล่งประกายควบคู่ไปกับสาระทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรีแจ๊สอันเป็นเอกลักษณ์ การเฉลิมฉลองสไตล์ Mardi Gras ที่มีชีวิตชีวา รวมถึงอาหารท้องถิ่นรสเลิศที่สะท้อนวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง
การผสมผสานระหว่างความรู้และวัฒนธรรมเช่นนี้ ทำให้การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ระดับสากล แต่ยังเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยสีสันและความประทับใจอีกด้วย
CISTM20: ครั้งแรกในเอเชีย ที่ประเทศไทย
ในช่วงสุดท้ายของการประชุม CISTM19 ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประเทศไทยจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม The 20th Conference of the International Society of Travel Medicine (CISTM20) ซึ่งนับเป็นวาระครบรอบ 40 ปี ของการจัดประชุมระดับนานาชาติในแวดวงเวชศาสตร์การเดินทาง และเป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานประชุมดังกล่าวในทวีปเอเชีย งานประชุมดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นที่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2570
การได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของประเทศไทย และเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพของประเทศ ทั้งด้านวิชาการ การจัดประชุมระดับสากล และการพัฒนาเครือข่ายเวชศาสตร์การเดินทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสู่สายตาโลก
เอกสารอ้างอิง
1. Prinzi A. History of Yellow Fever in the U.S.: American Society for Microbiology; 2021 [Available from: https://asm.org/articles/2021/may/history-of-yellow-fever-in-the-u-s.
2. Farnham A, Blanke U, Stone E, Puhan MA, Hatz C. Travel medicine and mHealth technology: a study using smartphones to collect health data during travel. J Travel Med. 2016;23(6).
3. EMA. EMA starts review of Ixchiq (live attenuated chikungunya vaccine): European Medicines Agency; 2025 [Available from: https://www.ema.europa.eu/en/news/ema-starts-review-ixchiq-live-attenuated-chikungunya-vaccine.
4. Tindale LC, Richardson JS, Anderson DM, Mendy J, Muhammad S, Loreth T, et al. Chikungunya virus virus-like particle vaccine safety and immunogenicity in adults older than 65 years: a phase 3, randomised, double-blind, placebo-controlled trial. The Lancet. 2025;405(10487):1353-61
Photo credit: นพ.พัฒน์ ฉันทภิญญา