การแพ้ถั่วขณะโดยสารเครื่องบิน

15 September 2025

นพ. สกานต์ เจริญสกุลไชย โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน และ
นพ. จิรัฏฐ์ สุขมี โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ

ปัจจุบัน ประมาณร้อยละ 1 ถึง 10 ของประชากรโลกแพ้อาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง (1, 2) โดยอาหารที่แพ้บ่อยที่สุด ได้แก่ ถั่ว ถั่วลิสง นมวัว ไข่ ปลา สัตว์ทะเลมีเปลือก ข้าวสาลี และถั่วเหลือง กลุ่มประชากรเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยที่โดยสารโดยเครื่องบินซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้ระหว่างโดยสาร ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีรายงานหลายกรณีเกี่ยวกับการแพ้ถั่วบนเครื่องบิน รวมถึงกรณีรุนแรงที่นำไปสู่การเสียชีวิต บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการแพ้ถั่วขณะโดยสารเครื่องบินรวมถึงมาตรการที่จะปกป้องผู้โดยสารที่แพ้อาหารดังกล่าว

ความชุกของการแพ้ถั่วขณะโดยสารเครื่องบิน

การแพ้อาหารในนักเดินทางและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างการโดยสารเครื่องบิน โดยความชุกของการแพ้ในผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารเดิมอยู่ระหว่างร้อยละ 0.7 ถึง 10.7 (3-7) ถั่วและถั่วลิสงเป็นสาเหตุหลักของการแพ้อาหารในกรณีนี้ คิดเป็นร้อยละ 62.5 ถึง 75.0 ของการแพ้อาหารทั้งหมด (7, 8)

จากการศึกษาก่อนหน้าพบว่า การสัมผัสถั่วระหว่างการโดยสารเครื่องบินสามารถเกิดขึ้นได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ การสูดหายใจ การรับประทาน และผ่านการสัมผัสกับผิวสัมผัสต่างๆ โดยการสูดหายใจถือเป็นช่องทางที่พบได้บ่อยที่สุด มีความถี่ถึงร้อยละ 33.0 ถึง 58.0 ของกรณีทั้งหมด การรับประทานพบร้อยละ 15.7 ถึง 43.0 และการสัมผัสกับผิวสัมผัส อยู่ที่ร้อยละ 9.0 ถึง 27.9 (3, 9, 10)

อย่างไรก็ตาม การศึกษาส่วนใหญ่เป็นการศึกษาย้อนหลัง ซึ่งอิงจากการสัมภาษณ์นักเดินทางและนักท่องเที่ยว รวมถึงข้อมูลจากสายการบิน ซึ่งอาจทำให้ผลการศึกษาเกี่ยวกับความชุกของการแพ้ถั่วไม่สะท้อนความจริงเท่าที่ควร รวมถึงไม่สามารถระบุช่องทางการสัมผัสถั่วได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งในการประเมินสาเหตุที่แท้จริงของการแพ้ถั่ว ปัจจัยหนึ่งที่ควรพิจารณาคือระบบการไหลเวียนอากาศภายในเครื่องบิน

ระบบการไหลเวียนอากาศในเครื่องบิน

การไหลเวียนอากาศภายในเครื่องบินโดยสารเริ่มต้นจากเครื่องปรับอากาศ (AC unit) ที่มีตัวกรอง HEPA ทำหน้าที่กรองอนุภาคสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ในอากาศ เช่น เชื้อจุลินทรีย์ ฝุ่น และอนุภาคถั่ว โดยเครื่องกรอง HEPA มีประสิทธิภาพในการกรองสิ่งปนเปื้อนในอากาศได้สูงถึงร้อยละ 99.9 อากาศที่ผ่านการกรองจะถูกส่งต่อไปยัง Air mixing unit เพื่อผสมกับอากาศภายนอก ก่อนจะส่งผ่านไปยังช่องแอร์ด้านบนของห้องโดยสาร จากนั้นอากาศจะไหลเวียนลงไปตามที่นั่งผู้โดยสาร และถูกดูดกลับที่ช่องใต้ที่นั่งเพื่อผ่านตัวตัวกรอง HEPA อีกครั้ง ดังภาพที่ 1

ดังนั้น อากาศภายในเครื่องบินได้รับการกรองโดย HEPA และมีการผสมกับอากาศภายนอกเครื่องบินอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทิศทางการไหลเวียนอากาศในห้องโดยสารจากบนลงล่าง ช่วยจำกัดการกระจายของอนุภาคสิ่งปนเปื้อนระหว่างที่นั่งโดยสาร ทำให้โอกาสการแพ้ถั่วจากการสูดหายใจค่อนข้างต่ำ ยกเว้นในกรณีที่ผู้โดยสารที่แพ้ถั่วนั่งใกล้ชิดกับผู้โดยสารที่รับประทานถั่วหรือเปิดถุงขนมถั่ว

ภาพที่ 1 การไหลเวียนของอากาศในเครื่องบินโดยสาร
(ภาพจาก https://www.iata.org/en/youandiata/travelers/health/low-risk-transmission/)

สาเหตุที่แท้จริงของการแพ้ถั่วขณะโดยสารเครื่องบิน

การสูดหายใจอนุภาคถั่วระหว่างโดยสารเครื่องบิน ถือเป็นหนึ่งในความเชื่อหลักเกี่ยวกับสาเหตุของการแพ้ถั่ว ซึ่งความเชื่อนี้อาจส่งผลให้ผู้โดยสารที่มีประวัติแพ้ถั่วรายงานว่าอาการแพ้เกิดจากการสูดหายใจ อย่างไรก็ตาม การศึกษาที่ให้ผู้ที่มีประวัติแพ้ถั่วลิสงลองสูดหายใจเมล็ดถั่ว พบว่าไม่มีผู้คนใดแสดงอาการแพ้รุนแรง (11) จากข้อมูลนี้ ร่วมกับการพิจารณาเกี่ยวกับความคลาดเคลื่อนในการรายงานความชุกของการแพ้ถั่วและการไหลเวียนอากาศภายในเครื่องบิน ชี้ให้เห็นว่าการสูดหายใจไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของการแพ้ถั่วระหว่างโดยสารเครื่องบิน แต่การสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ภายในเครื่องบินน่าจะสำคัญกว่า

การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งได้ทำการเก็บตัวอย่างบริเวณที่นั่งผู้โดยสาร ถาดอาหาร และอากาศในเครื่องบิน เพื่อตรวจหาโปรตีน Ara h 2 ซึ่งเป็นสารภูมิแพ้ในถั่วลิสง ผลการศึกษาพบว่า ตามจุดสัมผัสเหล่านี้พบโปรตีนดังกล่าวปนเปื้อนอยู่ตามที่นั่งผู้โดยสารและถาดอาหาร แต่ไม่พบในอากาศเครื่องบินเลย (12) การค้นพบนี้บ่งชี้ว่าความเสี่ยงของการแพ้ถั่วอาจเกิดจากการสัมผัสมากกว่าการสูดหายใจ โดยมีกลไกคือผู้โดยสารสัมผัสผิวที่อาจปนเปื้อนอนุภาคถั่ว และนำมือไปแตะที่ปากหรือเยื่อบุต่างๆ ทำให้เกิดการแพ้ขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้โดยสารที่มีประวัติแพ้ถั่วลิสง

สำหรับการแพ้ถั่วจากการรับประทานอาหาร โอกาสเกิดมีน้อยกว่าช่องทางอื่น เนื่องจากหลายสายการบินดำเนินมาตรการป้องกันหลายประการ เช่น การให้บริการอาหารปราศจากสารก่อภูมิแพ้ การไม่เสิร์ฟถั่วลิสงเป็นอาหารว่างระหว่างโดยสาร และการกำหนดให้ผู้โดยสารสามารถแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการแพ้อาหารเพื่อให้ลูกเรือจัดการอย่างเหมาะสม รวมถึงการติดฉลากสารก่อภูมิแพ้ในอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องบิน มาตรการเหล่านี้ลดความเสี่ยงของการบริโภคถั่วโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า ความเสี่ยงของผู้โดยสารที่แพ้ถั่วจากการรับประทานระหว่างการเดินทางมีน้อยกว่าการสัมผัสอนุภาคถั่วโดยตรง

มาตรการเพื่อปกป้องผู้โดยสารที่แพ้ถั่ว

จากสาเหตุข้างต้น มาตรการการป้องกันการแพ้ถั่วระหว่างโดยสารเครื่องบินควรเน้นย้ำไปที่การทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ เช่น การเตรียมอาหารของผู้โดยสารที่แพ้ถั่วให้ปลอดภัย และการจัดที่นั่งเป็นโซนสำหรับผู้โดยสารที่แพ้ถั่ว สำหรับผู้โดยสารเองนั้น สามารถป้องกันตนเองได้โดยระมัดระวังอาหารที่เสิร์ฟโดยอ่านฉลากบนกล่องอาหารให้ดี ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมรอบตัวก่อนที่จะนั่ง และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ของสายการบิน เช่น ผ้าห่ม ซึ่งอาจมีการปนเปื้อนอนุภาคถั่วที่ตกค้างจากการใช้งานครั้งก่อน

นอกจากนี้ การเตรียมชุดปฐมพยาบาลที่ประกอบด้วย Adrenaline และยาแก้แพ้ก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยสายการบินควรต้องฝึกฝนลูกเรือให้สามารถใช้ยา Adrenaline และยาแก้แพ้ได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากการให้ Adrenaline มีความสำคัญอย่างมากต่อการช่วยชีวิตผู้โดยสารที่มีอาการแพ้รุนแรง โดยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการต่างๆได้แสดงไว้ในตารางที่ 1

ผู้เกี่ยวข้องวิธีการป้องกัน
สายการบินให้ผู้โดยสารสามารถระบุสถานะการแพ้ถั่วระหว่างการจองเที่ยวบินจัดโซนที่นั่งพิเศษให้สำหรับผู้โดยสารที่แพ้ถั่วทำความสะอาดที่นั่ง ถาดอาหารและจุดสัมผัสต่างๆอย่างสม่ำเสมอไม่เสิร์ฟอาหารที่มีถั่วให้กับผู้โดยสารที่แพ้ถั่วเน้นย้ำให้ลูกเรือเตรียมอาหารสำหรับผู้โดยสารที่แพ้ถั่วแยกกับผู้โดยสารอื่นตรวจสอบให้มั่นใจว่าอาหารที่นำขึ้นมาบนเครื่องไม่มีส่วนประกอบของถั่วเตรียมชุดปฐมพยาบาลที่มี Adrenaline และยาแก้แพ้ให้พร้อม รวมถึงฝึกฝนลูกเรือให้สามารถใช้อุปกรณ์ปฐมพยาบาล
ผู้โดยสารแจ้งสายการบินล่วงหน้าถึงภาวะแพ้ถั่วเลือกเมนูอาหารที่ไม่มีถั่วเป็นส่วนประกอบก่อนขึ้นโดยสารเตรียมทิชชูเปียกไว้เช็ดบริเวณที่นั่งและถาดอาหาร รวมถึงจุดสัมผัสต่างๆเตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นในรายที่มีประวัติแพ้รุนแรง เช่นยา Adrenaline และเข็ม เพื่อสามารถนำไปใช้ระหว่างห้องโดยสารหากมีอาการแพ้รุนแรง โดยให้แจ้งสายการบินก่อนล่วงหน้าระมัดระวังในการใช้อุปกรณ์ในเครื่องบิน เช่น ผ้าห่มหรือหมอนที่อาจมีการปนเปื้อนของอนุภาคถั่วเตรียมกำไลข้อมือหรือบัตรที่ระบุสถานะแพ้ถั่วเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมเอกสารระบุอาการแพ้ ยาที่ใช้ และที่เก็บยาเตรียมหมายเลขโทรศัพท์หรือวิธีการติดต่อบุคคลใกล้ชิดยามฉุกเฉินเตรียมประกันสุขภาพสำหรับการเดินทาง
ตารางที่ 1 มาตรการป้องกันการแพ้ถั่วระหว่างโดยสารเครื่องบิน

การแพ้ถั่วระหว่างโดยสารเครื่องบินเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างเดินทาง ดังนั้น แพทย์เวชศาสตร์ท่องเที่ยวและการเดินทางจึงควรเน้นย้ำนักเดินทางที่แพ้ถั่ว หรืออาหารชนิดต่างๆ ถึงความเสี่ยงของการแพ้อาหารระหว่างโดยสารเครื่องบิน ไปจนถึงตลอดการท่องเที่ยวที่จุดหมายปลายทาง และควรเน้นย้ำถึงวิธีการป้องกันตนเองเพื่อให้ปลอดภัยจากการแพ้อาหารระหว่างเดินทาง

อ้างอิง

  1. Sampath V, Abrams EM, Adlou B, Akdis C, Akdis M, Brough HA, et al. Food allergy across the globe. J Allergy Clin Immunol. 2021;148(6):1347-64.
  2. Messina M, Venter C. Recent surveys on food allergy prevalence. Nutr Today. 2020;55(1):22-9.
  3. Comstock SS, DeMera R, Vega LC, Boren EJ, Deane S, Haapanen LA, et al. Allergic reactions to peanuts, tree nuts, and seeds aboard commercial airliners. Ann Allergy Asthma Immunol. 2008;101(1):51-6.
  4. Greenhawt M, MacGillivray F, Batty G, Said M, Weiss C. International study of risk-mitigating factors and in-flight allergic reactions to peanut and tree nut. J Allergy Clin Immunol Pract. 2013;1(2):186-94.
  5. Beaumont P, Renaudin JM, Dumond P, Drouet M, Moneret-Vautrin DA. Sécurité aérienne pour les allergiques alimentaires : données actuelles et recommandations. Revue Française d’Allergologie. 2015;55(7):463-9.
  6. Dano D, Michel M, Astier C, Couratier P, Steenbeek N, Bonnefoy M, et al. Impact of food allergies on the allergic person’s travel decision, trip organization and stay abroad. Glob J Allergy. 2015;1(2):040-3.
  7. Brady K, Martinez-Flores B, Trogen B, Cruz-Vasquez J, Nowak-Wegrzyn A. Allergic reactions during travel among individuals with IgE-mediated food allergy. J Allergy Clin Immunol Pract. 2024;12(3):774-5.
  8. Kodoth SM, Alves P, Convers K, Davis K, Chang C. The frequency and characteristics of epinephrine use during in-flight allergic events. Ann Allergy Asthma Immunol. 2023;130(1):74-9.
  9. Greenhawt MJ, McMorris MS, Furlong TJ. Self-reported allergic reactions to peanut and tree nuts occurring on commercial airlines. J Allergy Clin Immunol. 2009;124(3):598-9.
  10. Sicherer SH, Furlong TJ, DeSimone J, Sampson HA. Self-reported allergic reactions to peanut on commercial airliners. J Allergy Clin Immunol. 1999;104(1):186-9.
  11. Simonte SJ, Ma S, Mofidi S, Sicherer SH. Relevance of casual contact with peanut butter in children with peanut allergy. J Allergy Clin Immunol. 2003;112(1):180-2.
  12. Jin JJ, Dorn JM, Yunginger J, Ott NL. Ara h 2 is detectable on surfaces of commercial airplanes. J Allergy Clin Immunol Pract. 2019;7(2):659-61.e2.

บทความอื่นที่น่าสนใจ

18 November 2024
บทความทั่วไป
พิษจากปลาปักเป้า

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ. มุกดา  ตฤษณานนท์ การเดินทางไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ นอกจากจะดูภูมิประเทศในแหล่งต่างๆ แล้ว การรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง การรับประทานอาหารอาจมีอันตรายได้ ถ้าเราไม่ระวังและไม่ทราบสิ่งที่เป็นพิษมาก่อน ปลาเป็นอาหารที่น่ารับประทานอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นอาหารที่ย่อยง่าย มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย มีสารอาหารที่สำคัญ แต่ปลาที่เป็นพิษ เช่น ปลาปักเป้า รับประทานแล้วเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ พิษของปลาปักเป้าเป็นพิษที่ทนต่อความร้อน เมื่อถูกความร้อนพิษจะไม่เสียไป ได้มีผู้นำเอาปลาปักเป้ามาขายเป็นจำนวนมากเรียกว่า “ปลาเนื้อไก่” เพราะเนื้อมีลักษณะคล้ายเนื้อไก่ ราคามไม่แพงเห็นแล้วน่ารับประทาน แต่ที่จริงเป็นพิษ ปลาปักเป้า หรือ Puffer fish เป็นปลาที่หาได้ในน้ำจืดและน้ำเค็ม พบได้ทั่วประเทศที่มีอากาศร้อนอบอุ่น ในประเทศไทยพบปลาปักเป้าน้ำจืดได้ตามแหล่งน้าต่าง ๆ เช่น ตามหนอง คลอง บึง ส่วนปลาปักเป้าหนามทุเรียน เป็นปลาปักเป้าทะเล พบได้ในอ่าวไทย ตามปกติ ปลาปักเป้าจะมีสภาพเหมือนปลาทั่วไป มีหนามสั้นหรือยาวแล้วแต่ชนิด หากถูกรบกวนจะพองตัวโตขึ้น มีรูปร่างคล้ายลูกโป่ง หรือ ลูกบอลลูน ปลาปักเป้าทะเลเป็นที่รู้จักันดี สำหรับชาวประมง ถ้าพบเห็นบนเรือลากอวน เขามักจะทำลายมันทิ้งหรือโยนกลับลงไปในทะเลในญี่ปุ่นเรียกปลาชนิดนี้ว่า “Fuge” ชาวญี่ปุ่นชอบรับประทานแต่ต้องมีการเตรียมโดยผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะเป็นพิเศษ จึงจะไม่มีพิษ พิษของปลาปักเป้ามีชื่อว่า […]

ปลาปักเป้า
อ่านเพิ่มเติม
18 November 2024
คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับโรคมาลาเรีย

ข้อมูลจาก: แผ่นพับให้ความรู้ประชาชน โดยคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โรคมาลาเรียคืออะไร       โรคมาลาเรียเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ติดจากยุงมาสู่คน โดยเชื้อมาลาเรียในมนุษย์มีทั้งหมด 4 ชนิดคือ Plasmodium falciparum, Plasmodium vivax, Plasmodium malariae    และ  Plasmodium ovalae โรคมาลาเรียพบบ่อยแค่ไหน และพบในส่วนไหนของประเทศไทย        โรคมาลาเรียพบในประเทศเขตร้อน และเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญ องค์การอนามัยโรคประมาณกันว่าในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยเป็นมาลาเรียถึงปีละ 300-400 ล้านคนทั่วโลก และมีคนเสียชีวิตปีละประมาณ 1 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เกิดในทวีปแอฟริกา          ส่วนในประเทศไทยเองสามารถพบเชื้อมาลาเรียได้ในเขตป่า โดยเฉพาะตามเขตชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านเช่น ชายแดนไทย-พม่า ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจังหวัดที่มีการรายงานพบผู้ป่วยมาลาเรียเป็นจำนวนมากคือ จังหวัดตาก กาญจนบุรี ตราด ราชบุรี แม่ฮ่องสอน เป็นต้น โดยจะพบในเขตพื้นที่ที่เป็นป่าเขาเท่านั้น  ไม่พบมาลาเรียในเขตเมือง โรคมาลาเรียติดต่ออย่างไร          โดยปกติแล้วคนสามารถติดเชื้อมาลาเรียโดยการถูกยุงก้นปล่อง (Anopheles)กัด โดยยุงจะปล่อยเชื้อมาลาเรียเข้าร่างกายคน หลังจากนั้นจะมีการแบ่งตัวมากขึ้นทำให้เกิดอาการของโรคมาลาเรียได้ และ เมื่อมียุงก้นปล่องมากัดคนที่เป็นมาลาเรียจะสามารถนำเชื้อแพร่ไปสู่คนอื่นได้อีก           เนื่องจากเชื้อมาลาเรียอยู่ในกระแสเลือดของผู้ป่วย ดังนั้นจึงมีรายงานการติดเชื้อมาลาเรียโดยการได้รับเลือด โดยการใช้เข็มฉีดยาหรือกระบอกฉีดยาร่วมกัน อาการของโรคมาลาเรียเป็นอย่างไร           โดยปกติแล้วผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการภายหลังได้รับเชื้อแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ถึง 2 เดือน โดยอาการของผูป่วยคือจะมีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว บางรายมีการบวดท้อง […]

มาลาเรีย
ยุง
เขตร้อน
โรคติดเชื้อ
อ่านเพิ่มเติม
18 November 2024
บทความทั่วไป
งูเห่า

โดย  ศ.นพ.มุกดา  ตฤษณานนท์      การเดินทางท่องเที่ยวตามป่าเขาและทุ่งนา  อาจพบกับพวกงูบางชนิด  ซึ่งเป็นงูมีพิษ  และอาจทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้  ดังจะได้กล่าวต่อไป      งูเห่าเป็นสัตว์ที่มีพิษ  ซึ่งมีผลต่อประสาท  พบได้ทั่วไปในประเทศไทย  งูเห่าจะแผ่แม่เบี้ยเห็นชัดเจน   ที่หัวมีดอกจันท์  บางชนิดอาจจะไม่มีการก็ได้  ลำตัวสีค่อนข้างดำ  งูโดยมากมักจะหนี  ไม่ใช่จะกัดเราง่าย ๆ นอกจากจะไปเหยียบตัวงูเข้า  หรืองูตกใจ  ส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกกัดมักจะไปเหยียบ  งูจะฉกกัดทันทีอย่างรวดเร็ว  บางทีเรามองไม่เห็นงูด้วยซ้ำไป  งูมักจะอยู่ในที่มืด เช่น ตามใต้ท่อนไม้ซึ่งผุ  ตามใต้ก้อนหินหรือหลบอยู่ตามพงหญ้า  ตามทุ่งนาเป็นต้น  งูมีพิษจะมีเขี้ยว 2  เขี้ยว  เมื่อฉกกัดจะเห็นเป็นรอยเขี้ยวเป็นรู 2 รู  มีเลือดออกซิบ ๆ มีอาการเจ็บ  เสียวแปลบ  ปวดมากพอสมควร  ผู้ถูกกัดจะรู้สึกทันที     ถ้าถูกกัดด้วยงูเห่าซึ่งมีตัวใหญ่  และปล่อยพิษเข้าไปมาก  จะเกิดอาการภายใน  20  นาที  อาการจะเริ่มต้นด้วยมีอาการงงที่ศรีษะ, ปวดเมื่อย  ต่อไปมีอาการหนังตาตก ลืมตาไม่ขึ้น  […]

งู
ปฐมพยาบาล
อ่านเพิ่มเติม