ไข้เลือดออก..โรคที่นักท่องเที่ยวพึงระวัง

0
3605

รศ.รท.นพ.ชิษณุ  พันธุ์เจริญ

ไข้เลือดอออกจัดเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย  มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสเด็งกี่ซึ่งมี 4 ชนิด คือ เด็งกี่-1 ถึง 4 โดยมียุงลายซึ่งมักหากินในเวลากลางวันเป็นพาหนะนำโรค  พบผู้ป่วยเฉลี่ยปีละ 50,000 -100,000 ราย  เป็นผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกร่วมด้วยประมาณร้อยละ 5 และเป็นผู้ป่วยเสียชีวิตประมาณปีละ 100-400 ราย  ในบางปีที่มีการระบาดใหญ่พบผู้ป่วยกว่าแสนรายต่อปี  แต่เดิมผู้ป่วยไข้เลือดออกมักพบเด็กเล็ก  แต่ในระยะหลายสิบปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าสังเกตว่า  อายุของผู้ป่วยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น  และในปัจจุบันผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กโตและผู้ใหญ่

              ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกไปยังประเทศต่าง ๆทั่วโลก  อาจเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจากสังคมมาเป็นชุมชนชาวเมือง  สภาพชุมชนแออัดที่มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงเพิ่มขึ้น  การควบคุมปะชากรยุงและการควบคุมโรคที่ขาดประสิทธิภาพและการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว

อาการของผู้ป่วยไข้เลือดออกสิ่งที่ควรรู้   

              ผู้ป่วยไข้เลือดออกมีอาการไข้สูงลอย หน้าแดง ปวดศีรษะ ปวดเหมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง และมีภาวะเลือดออก อาจเป็นจุดเลือดออกที่ผิวหนังซึ่งเกิดขึ้นเองหรือจากการรัดแขนที่เรียกว่าการทดสอบทูนิเกต์หรือมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร

อาการของผู้ป่วยมี 3 ระยะคือ      

1. ระยะไข้สูง เป็นระยะเวลา 3-7 วัน

2. ระยะวิกฤตเป็นระยะที่ผู้ป่วยมีอาการไข้ลดลง หากผู้ป่วยมีการรั่วของพลาสมาอาจเกิดภาวะช็อก  โดยผู้ป่วยจะอาการกระสับกระส่าย  มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็วและเบาลง มีความดันโลหิตต่ำ

3. ระยะพักฟื้น  ผู้ป่วยจะมีอาการทั่วไปดีขึ้น  อยากรับประทานอาหาร  ปัสสาวะเพิ่มขึ้น  หัวใจเต้นช้าลง  และอาจมีผื่นแดงขึ้นที่ขา

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นไข้เลือดออก

            การวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกอาศัยอาการของผู้ป่วย  การทดสอบทูนิเกต์ และการตรวจนับเม็ดเลือด โดยจะตรวจพบจำนวนเม็ดเลือดขาวและจำนวนเกร็ดเลือดลดลง กรณีที่มีการรั่วของพลาสมาจะมีความเข็มข้นของเลือดเพิ่มขึ้นและตรวจพบน้ำในเยื่อหุ้มช่องปอด กรณีที่มีเลือดออกในกระเพาะอาหารจำนวนมาก จะพบภาวะซีดได้ การตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าเป็นไข้เลือดออกจริงมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยบางราย แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ไข้เลือดออก…รักษาอย่างไร  

            โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องรับผู้ป่วยไข้เลือดออกไว้รักาในโรงพยาบาลทุกราย การเช็ดตัวลดไข้ รับประทานยาลดไข้พราเซตามอล และดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรติดตามอาการของผู้ป่วย ตรวจวัดจำนวนเกร็ดเลือด และความเข้มข้นของเลือด ผู้ป่วยที่ขาดน้ำอย่างมาก มีภาวะช็อก หรือมีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาลเพื่อให้สารน้ำ  ซึ่งควรให้ความสำคัญในการปรับปริมาณให้สอดคล้องสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีการรั่วของพลาสมาหรือมีภาวะช็อก

ไข้เลือดออก..กับวิธีการป้องกัน  

            การป้องกันไข้เลือดออกทำได้โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงกัด ควบคุมยุงลายซึ่งทำได้โดยการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและลูกน้ำ  ถ้าพบลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำให้กำจัดโดยทรายอะเบตลงไป  และที่สำคัญคือ การทิ้งหรือทำลายภาชนะขังน้ำที่ไม่ได้ใช้  วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกน่าจะเป็นอีกทางออกหนึ่งในการควบคุมและป้องกันโรคไข้เลือดออก  คาดว่าจะมีการนำร่องมาใช้อย่างแพร่หลายในอนาคตอันใกล้

Cover photo credit : Pixabay License / Rilsonav